อาหารเพื่อสุขภาพสัตว์เลี้ยง สุขภาพดีมีได้ในทุกมื้อ

สุขภาพร่างกายที่แข็งแรงเป็นพื้นฐานของทุกสิ่งมีชีวิต พวกเราต่างพยายามดูแลสุขภาพของตัวเองเป็นอย่างดี เพราะร่างกายนี้เป็นสิ่งเดียวที่อยู่กับเรามาตั้งแต่เกิดไปจนถึงวันสุดท้าย สุขภาพที่แข็งแรงแจ่มใสจึงสามารถรับประกันความสุขและคุณภาพชีวิตที่ดีของเราได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งอาหารการกินก็เป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากที่สุดเลยก็ว่าได้ในการดูแลสุขภาพ เพราะทุกมื้ออาหารล้วนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราเสมอในทุก ๆ วัน และไม่ได้มีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่จำเป็นต้องดูแลสุขภาพให้ดี สัตว์เลี้ยงของเราเองก็เช่นเดียวกัน!

สุนัขและแมวนั้นเป็นเพื่อนรักของมนุษย์มาเป็นระยะเวลายาวนาน จากที่แต่เดิมน้อง ๆ เคยออกล่าหาอาหารด้วยตนเอง ตอนนี้ก็กลายเป็นมีมนุษย์อย่างเราช่วยดูแล ไม่ว่าจะเป็นการให้อาหารเม็ด อาหารเปียก บางบ้านอาจจะทำอาหารให้น้อง ๆ กินเอง ในปัจจุบันมีทางเลือกอาหารสัตว์เลี้ยงอีกมากมายที่ให้คุณพ่อคุณแม่ได้ดูแลสุขภาพของน้องหมาและน้องแมว โดยในวันนี้เราจะพาทุกคนมาดูกันว่าในฐานะมนุษย์คนโปรด เราจะวางแผนการกินอาหารเพื่อสุขภาพที่ดีของน้อง ๆ ได้ยังไง ปริมาณและความถี่ในการให้อาหารสัตว์เลี้ยงคือเท่าไหร่ และข้อควรระวังเพื่อการดูแลสุขภาพของน้อง ๆ มีอะไรบ้าง ถ้าอยากรู้แล้ว ไปดูกัน!

หมาแมวควรกินอะไร?

คำถามง่าย ๆ ที่ตอบได้ยาก ด้วยความที่สิ่งมีชีวิตทุกอย่างบนโลกใบนี้นั้นมีความแตกต่างกัน ถึงแม้จะเป็นสุนัขเหมือนกัน สายพันธุ์เดียวกัน ช่วงวัยใกล้ ๆ กัน แต่เมื่อเป็นคนละตัวก็อาจจะมีความต้องการทางด้านโภชนาการที่แตกต่างกันได้ แต่หากเราจะแบ่งกลุ่มใหญ่ ๆ ก็สามารถทำได้คร่าว ๆ ดังนี้

  • สุนัข เป็นสัตว์ที่สามารถกินได้ทั้งพืชและสัตว์ (Omnivores) ร่างกายของสุนัขสามารถย่อยได้ทั้งเนื้อสัตว์และพืชผัก แต่จะมีความต้องการโปรตีนจากในเนื้อสัตว์มากกว่า
  • แมว เป็นสัตว์กินเนื้อ (Carnivores) ที่มีความต้องการโปรตีนสูงและจำเป็นต้องได้รับทอรีนอย่างเพียงพอ เนื่องจากเป็นกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายของแมว

การให้อาหารสัตว์เลี้ยง

พลังงานที่สัตว์เลี้ยงแต่ละตัวและแต่ละช่วงวัยนั้นจะมีความแตกต่างกัน สัตว์สายพันธุ์ใหญ่จะมีความต้องการพลังงานมากกว่าสัตว์สายพันธุ์เล็ก รวมถึงช่วงวัย กิจกรรมที่ทำในแต่ละวัน และการออกกำลังกายก็มีผลต่อความต้องการพลังงานในแต่ละวันของสัตว์เลี้ยงเช่นเดียวกัน โดยเราสามารถให้อาหารสัตว์เลี้ยงโดยแยกตามช่วงวัยได้ดังต่อไปนี้

ลูกสุนัขและลูกแมว สุนัขและแมวในช่วงวัยเด็กนั้นจะมีความต้องการพลังงานค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับวัยอื่น ๆ เนื่องจากร่างกายกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว โดยอาหารสูตรลูกสุนัขและลูกแมวมักจะมีปริมาณไขมันมาก เมื่อเทียบกับโปรตีนและคาร์โบไฮเดรต นอกจากนี้ยังเป็นวัยที่ไม่ควรบริโภคอาหารดิบ (Raw Diets) เนื่องจากสุนัขและแมวเด็กนั้นยังไม่มีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงมากพอต่อสู้กับแบคทีเรียมากมายในอาหารสด และการรักษาสมดุลโภชนาการอาหารสำหรับสุนัขและแมววัยนี้ก็ทำได้ค่อนข้างยากอีกด้วย

  • ลูกสุนัข ควรกินอาหารให้มากกว่าสุนัขโตหนึ่งเท่าตัวเลยทีเดียว โดยแบ่งให้อาหาร 3-5 ครั้งต่อวัน เพื่อให้มีพลังงานเล่นสนุกได้ทั้งวัน
  • ลูกแมว แต่ละตัวจะมีความชอบที่แตกต่างกัน บางตัวอาจจะชอบกินทีละเยอะ ๆ หรือบางตัวชอบกินทีละน้อยแต่แบ่งเป็นหลายมื้อ ตั้งแต่ 3-6 มื้อต่อวัน
  • Pawrenthood 101: คู่มือการดูแลลูกหมาและลูกแมว ฉบับ MyFriend!

สุนัขและแมววัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ หลังจากที่สัตว์เลี้ยงของเราเริ่มโตขึ้น คุณพ่อคุณแม่สามารถปรับเปลี่ยนมาเป็นอาหารหมาแมวโตได้ โดยค่อย ๆ ปรับเพิ่มอาหารสูตรใหม่ไปทีละนิด มีการปรับลดปริมาณไขมันลง และให้อาหารที่มีโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุมากขึ้น

  • สุนัขโต ควรกินอาหารปริมาณตามน้ำหนักตัว ตั้งแต่ 1/4 ถึง 3 ถ้วย ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์เล็กมากไปจนถึงพันธุ์ใหญ่ และให้อาหาร 2 ครั้งต่อวัน
  • แมวโต ควรกินอาหารปริมาณตามน้ำหนักตัว ตั้งแต่ 1/3 ถึง 1/2 ถ้วยต่อวัน อาจแบ่งเป็นมื้อย่อย 2-3 มื้อหรือวางทิ้งไว้ตามแต่นิสัยการกินของแมว

สุนัขและแมวสูงวัย สัตว์เลี้ยงจะเข้าสู่วัยนี้เมื่ออายุประมาณ 7-8 ปี ร่างกายของน้อง ๆ จะมีความกระตือรือร้นน้อยลง ทำให้ต้องการพลังงานที่น้อยลงไปด้วย อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับสุขภาพร่างกายของสัตว์เลี้ยงตัวนั้น ๆ หากเป็นสัตว์สูงวัยที่มีโรคเรื้อรัง อาจต้องการพลังงานมากกว่าเพื่อรักษาน้ำหนักตัวเอาไว้ หากเป็นสัตว์สูงวัยที่สุขภาพดีจะต้องการโปรตีนมากเพื่อรักษามวลกล้ามเนื้อ

  • สุนัขสูงวัย ควรกินอาหาร 2 ครั้งต่อวันเหมือนกันกับสุนัขโต แต่ให้ลดปริมาณในแต่ละมื้อลง เพราะร่างกายจะเริ่มกระฉับกระเฉงน้อยลง ทำให้ใช้พลังงานน้อยลงนั่นเอง
  • แมวสูงวัย ควรกินอาหารปริมาณพอ ๆ กับแมวโต คือตั้งแต่ 1/3 ถึง 1/2 ถ้วยต่อวัน อาจแบ่งเป็นมื้อย่อย 2-3 มื้อหรือวางทิ้งไว้ตามแต่นิสัยการกินของแมว

สุนัขและแมวในแต่ละช่วงวัยจะมีความต้องการสารอาหารที่แตกต่างกัน โดยต่อไปนี้จะเป็นปริมาณที่แนะนำ แต่อย่าลืมว่าคุณพ่อคุณแม่ควรปรึกษาสัตวแพทย์และวางแผนโภชนาการสำหรับสัตว์เลี้ยง เพื่อให้แน่ใจว่าเจ้าน้องจะได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วน เพียงพอ ไม่ขาดไม่เกิน และอย่าลืมให้ดื่มน้ำเยอะ ๆ เสมอด้วยนะ!

อาหารสัตว์เลี้ยงในท้องตลาด

คุณพ่อคุณแม่สามารถเลือกซื้ออาหารสัตว์เลี้ยงที่มีวางขายอยู่ทั่วไปได้ ทั้งในรูปแบบอาหารเม็ดที่สามารถให้สัตว์เลี้ยงกินได้ง่าย ๆ อาหารเปียกที่มีปริมาณน้ำอยู่สูง ช่วยให้สัตว์เลี้ยงได้บริโภคน้ำมากขึ้น อาหารฟรีซดรายที่มีเมนูหลากหลาย หรืออาหารประเภทอื่น ๆ ที่มีมาตรฐาน หรือจะประกอบอาหารให้สัตว์เลี้ยงกินเองก็สามารถทำได้ แต่สิ่งที่สำคัญไม่ว่าจะให้อาหารแบบใดก็คือต้องให้สัตว์เลี้ยงได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ ไม่น้อยเกินไปจนขาดสารอาหารอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือมากเกินไปจนเกิดโรคอ้วนในสัตว์เลี้ยงนั่นเอง

นอกเหนือจากอาหารสัตว์เลี้ยงที่เหมาะสมกับแต่ละช่วงวัยแล้ว ยังมีอาหารสัตว์เลี้ยงสูตรพิเศษที่คิดค้นมาเพื่อให้เหมาะกับเงื่อนไขทางด้านสุขภาพต่าง ๆ ของสัตว์เลี้ยง ตั้งแต่สูตรสัตว์เลี้ยงที่กำลังตั้งท้อง สูตรประกอบการรักษาโรค สูตรควบคุมน้ำหนัก เป็นต้น โดยบางสูตรอาจไม่มีขายตามท้องตลาดหรือต้องซื้อกับโรงพยาบาลหรือคลินิกสัตว์เท่านั้น หากสัตว์เลี้ยงที่บ้านมีปัญหาสุขภาพ คุณพ่อคุณแม่อย่าพยายามวินิจฉัยโรคด้วยตนเอง ให้พาไปหาคุณหมอเพื่อตามหาว่าเจ้าน้องมีอาการอะไรบ้าง และวางแผนการรักษาและการกินให้เป็นไปตามคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ

ข้อควรระวังในการให้อาหารสัตว์เลี้ยง

แม้หมาแมวจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่ชื่นชอบการกินไม่แพ้มนุษย์และทำตัวเหมือนจะกินได้ทุกอย่าง แต่ที่จริงแล้วปัญหาสุขภาพหลาย ๆ นั้นก็เกิดมาจากปัญหาการกินของน้อง ๆ ซึ่งบางอย่างก็สามารถป้องกันได้แต่เนิ่น ๆ โดยมนุษย์คนโปรดอย่างเรา ๆ นี่เอง MyFriend ขอรวบรวมข้อควรระวังในการให้อาหารสัตว์เลี้ยงพร้อมเคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ มาให้ทุกคนได้ดูกัน และหากใครกำลังทำข้อไหนอยู่ ปรับตัวตอนนี้ก็ยังทันนะ!

ระวังอาหารมนุษย์ แม้จะเป็นอะไรที่ใคร ๆ ก็รู้กัน แต่พอเอาเข้าจริง ๆ แล้วก็ดูจะทำได้ยากนัก เพราะสายตาและท่าทางของน้อง ๆ นั้นช่างเกินจะห้ามใจจะยอมเสียสละของกินให้สักคำสองคำ แต่ทุกคนต้องอย่าลืมว่าอาหารมนุษย์นั้นเต็มไปด้วยสารปรุงแต่ง โซเดียม ไขมัน และอื่น ๆ ที่เกินกว่าความต้องการของสัตว์เลี้ยง เพราะฉะนั้นเราต้องใจแข็งเข้าไว้ สู้ ๆ นะทุกคน!

  • เคล็ดลับการใจแข็ง: นึกถึงผลเสียต่อสุขภาพของน้อง ๆ เข้าไว้ถ้าหากให้กินอาหารมนุษย์บ่อย ๆ ในระยะยาว

ระวังของกินต้องห้าม ถึงทุกคนจะไม่ให้อาหารมนุษย์ที่แสนอร่อยกับสัตว์เลี้ยงแล้ว อย่าลืมว่าของกินบางอย่าง แม้ไม่ได้ผ่านการปรุงรสหรืออะไรก็สามารถส่งผลเสียกับร่างกายของเจ้าน้องได้โดยไม่รู้ตัว โดยของกินที่ต้องห้ามเด็ดขาดสำหรับสัตว์เลี้ยง เช่น ช็อกโกแลต องุ่น กระดูกแหลม ๆ ผลิตภัณฑ์จากนมวัว เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน

  • เคล็ดลับระวังของกินต้องห้าม: นอกจากจะต้องใจแข็งอย่างข้อด้านบนแล้ว คุณพ่อคุณแม่ต้องคอยเก็บของกินเหล่านี้ให้พ้นจากสัตว์เลี้ยง ไม่ทำหกเลอะเทอะหรือวางทิ้งไว้ให้น้อง ๆ มาแอบคาบไปกินด้วยนะ

ระวังอาการแพ้ ในหลาย ๆ ครั้งเราอาจจะไม่มีทางรู้ได้ว่าสัตว์เลี้ยงของเรามีอาการแพ้อาหารอะไรบ้าง ทุกครั้งที่คุณพ่อคุณแม่อยากให้ของกินใหม่ ๆ อย่าลืมสังเกตอาการแพ้ เช่น มีอาการคันที่ท้อง รักแร้ ขาหนีบ รอบปาก จมูก ดวงตา อุ้งเท้า อาจมีภาวะหูอักเสบ หรืออาการในระบบทางเดินอาหารอย่างอาเจียนและท้องเสีย เป็นต้น หากมีอาการดังกล่าว ต้องรีบพาเจ้าน้องไปหาคุณหมอโดยด่วนเลยนะ

  • เคล็ดลับระวังอาการแพ้: หากสัตว์เลี้ยงที่บ้านของใครมีความเสี่ยงที่จะแพ้อาหารมาก ทุกครั้งที่จะลองของใหม่ให้ลองในปริมาณน้อยก่อน ไม่ควรให้ลองของใหม่ทีเดียวในปริมาณมาก และให้จดบันทึกข้อมูลอาหารแพ้ไว้ทุกครั้งหากพบว่ามีสิ่งที่แพ้เพิ่มเติมมา

เพราะอาหารเป็นส่วนที่สำคัญของทุกสิ่งมีชีวิต ทำให้เรามีชีวิตอยู่ได้และยังเสริมสร้างสุขภาพร่างกายของเราให้แข็งแรง หากได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์อย่างเหมาะสมควบคู่ไปกับการออกกำลังกายและการพักผ่อนอย่างเพียงพอ ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ หรือสิ่งมีชีวิตใด ๆ ก็ย่อมมีสุขภาพที่ดีทั้งการและใจ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้อย่างแน่นอน!

บทความนี้ผ่านการตรวจสอบเนื้อหาโดยสัตวแพทย์จากโรงพยาบาลสัตว์เล็ก คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (CUVET)


👩‍⚕️👨‍⚕️ MyFriend’s Healthcare บทความสุขภาพสัตว์เลี้ยงที่ได้รับการตรวจสอบเนื้อหาจากผู้เชี่ยวชาญ มีแหล่งข้อมูลอ้างอิงจากทั้งในไทยและต่างประเทศ เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องสุขภาพกายและใจของน้อง ๆ สัตว์เลี้ยงที่สมบูรณ์แข็งแรง!

🐶🐱 MyFriend แอปของเหล่าสัตว์เลี้ยง ให้คุณพ่อคุณแม่ดูแลเจ้าน้องเพื่อนซี้ได้ดียิ่งขึ้น ด้วยบริการและคอนเทนต์สนุก ๆ มากมาย!

References

Author

Enjoyed the article? Share with a Friend!