คำถามประหลาด ๆ แบบนี้ย่อมมีคำตอบที่น่าสนใจตามมา หลายคนอาจจะเคยเจอแรคคูนตัวกลมไปกินขนมที่คาเฟ่บ้าง บางคนอาจจะเห็นเป็นปลาในตู้รถเข็นเคลื่อนที่ได้ แต่แน่นอนว่านกเหยี่ยวอาจจะเป็นคำตอบสุดท้ายที่หลาย ๆ คนนึกถึง
โยลา วีล และ แจ็ค ชาน เป็นคู่รักชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพพร้อมกับเจ้าเหยี่ยวรูปงาม หน้าตาคมคายอย่างเมอร์ฟี่โดยพวกเขาไม่ได้เริ่มต้นจากการโหยหาสัตว์เอ็กโซติก (Exotic Pet) มาเลี้ยงแต่อย่างใด กลับเป็นเรื่องราวของการช่วยเหลือสิ่งมีชีวิตน้อย ๆ ให้มีความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้นต่างหาก
วันนี้ MyFriend ขอพาเพื่อน ๆ มาทำความรู้จักกับพวกเขา ขณะจิบกาแฟสบาย ๆ บนดาดฟ้าของ COSMOS Cafe ที่ประจำของโยลา แจ็ค และเจ้าเหยี่ยวเมอร์ฟี!
แจ็ค: ผมแจ็ค นี่คือโยล่า และนั่นคือเมอร์ฟี่ครับ
โยล่า: เมอร์ฟี่อายุ 6 ปีค่ะ เราไม่ได้เลือกที่จะเลี้ยงเหยี่ยวเป็นสัตว์เลี้ยง มันเป็นเหตุจำเป็นค่ะ
แจ็ค: เราไม่ได้อยากหาเหยี่ยวมาเลี้ยงเองครับ เรามีแมวสองตัว แล้วตอนนี้ก็มีเมอร์ฟี่ด้วย เมอร์ฟี่ถูกให้มาเป็นของขวัญจากเจ้านายของเธอครับ ครอบครัวของเจ้านายโยล่าซื้อเมอร์ฟี่มา เพราะพวกเขามีนกพิราบอยู่รอบ ๆ บ้านเยอะมาก เลยอยากที่จะไล่นกพวกนั้นออกไป
ผมคิดว่าเขาน่าจะหาข้อมูลว่าวิธีไหนจะดีที่สุดในการไล่ และหนึ่งในวิธีเหล่านั้นก็คือการใช้นกล่าเหยื่ออย่างนกเหยี่ยว พวกเขาก็เลยซื้อตัวนี้มา โดยที่ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลาเยอะมาก ในการฝึกและการดูแลครับ จนมาถึงจุดที่ไม่มีเวลาแล้วจริง ๆ ก็เลยไม่สามารถดูแลเขาได้ครับ เมอร์ฟี่ก็เลยนั่งเหงา ๆ อยู่คนเดียวในห้องใต้ดินมืด ๆ แค่มีอาหารกิน แล้วก็ทั้งโกรธและกลัวอยู่ตลอดครับ ไม่ได้เป็นชีวิตที่ดีเลย แต่โชคดีที่เจ้าของเก่าเขาตระหนักถึงตรงนี้ เขารู้ว่าโยล่าพอมีความรู้เกี่ยวกับนก ก็เลยให้มาเป็นของขวัญครับ
โยล่า: สำหรับฉัน ไม่กลัวนะคะ เพราะว่าฉันโตขึ้นมากับนก ฉันเคยดูแลนกป่ามาเยอะ และเคยเลี้ยงนกมากมายที่ช่วยมาจากป่าเช่นกัน ฉันพอจะอ่านใจเขาออกได้ง่ายอยู่ ส่วนใหญ่ก็จะรู้ว่าเขาเป็นอะไร แต่สำหรับคุณ มันอาจจะต้องเรียนรู้กันหน่อยใช่มั้ย?
แจ็ค: ครับ ก็ต้องใช้เวลาเรียนรู้กัน แต่ตอนนี้ก็เริ่มคุยกันรู้เรื่องมากขึ้นครับ เมอร์ฟี่สนิทกับโยล่ามากกว่าที่สนิทกับผมอยู่แล้ว แบบว่า เขารักโยล่าครับ เพราะเธอเป็นแม่เขา เธอทำอะไรก็ไม่ผิด แต่กับผมเขาจะแบบ เหมือนต้องใช้ความอดทนกับผมนิดนึง แบบเดียวกับมนุษย์คนอื่น ๆ (หัวเราะ) แต่ใช่ครับ ต้องใช้เวลาเรียนรู้กัน ถ้าหากสังเกตดี ๆ ผมคิดว่าสัตว์ทุกชนิด ไม่ใช่แค่นก ถ้าเราตั้งใจดูแลและสังเกตเขา ก็จะเห็นความเปลี่ยนแปลงทีละนิด แล้วเราก็จะเรียนรู้วิธีเข้าหาเขาได้เหมือนกันครับ
โยล่า: ฉันคิดว่าเป็นความดุร้ายตามธรรมชาติสัตว์ป่าของเขานะคะ เขาว่ากันว่านกเหยี่ยวสามารถฝึกได้ แต่เขาจะไม่มีทางเชื่อง ซึ่งเป็นเรื่องจริง
ถ้าเราทิ้งเขาไว้ให้อยู่เอง ถอยห่างออกมาจากเขามาก ๆ และไม่คอยห้ามเขาอย่างที่เราทำด้วยการเจอคนอื่น ๆ หรือสถานการณ์ใหม่ ๆ เขาก็จะเริ่มดุขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งจะเป็นตอนที่เขาอันตรายแล้ว ฉันชอบความดุร้ายตรงนี้ของเขา การที่เขาจะกลับมาเป็นสัตว์ เป็นตัวของตัวเองเสมอ เขาไม่ได้เป็นของของใคร
โยล่า: กระบวนการผลัดขนตามธรรมชาติ จะต่างไปตามสปีชี่ส์ของนกค่ะ ถ้าเป็นนกเกาะคอนตัวเล็ก ๆ น้องเขาก็จะผลัดทีเดียวหมดเลย แต่กับนกที่ตัวใหญ่กว่านั้น เขาจะต้องใช้พลังงานมากในการสร้างขนปีกใหม่ให้งอกออกมา ก็เลยจะต้องทำเป็นสองขั้น
ขั้นแรกจะเริ่มตอนที่เขาผสมพันธุ์ คือตอนที่กำลังสร้างรัง เขาจะผลัดขนบางส่วน จากปีกนอกเข้ามาสู่ปีกใน ก็จะเริ่มจากขนที่ขนาดใหญ่กว่าก่อนค่ะ อาจจะเป็นขนหางหรือขนปีกหลัก ๆ แล้วก็ค่อย ๆ ร่วงลงช้า ๆ ช้ามาก ๆ นั่นเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในเดือนเมษายน และจะหยุดเมื่อถึงเวลาอพยพค่ะ เพราะนกส่วนใหญ่ต้องมีการอพยพ และต้องใช้พลังงานมากอีกครั้งในการย้ายที่ ต้องออกล่า จะเห็นได้ว่าขนนกทั้งสองข้างจะสมมาตรกัน ค่อย ๆ ร่วงจากปีกพร้อมกันทั้งสองข้าง และเมื่อเขาอพยพไปถึงถิ่นในฤดูหนาวก็จะได้พักอีกครั้ง ถึงตอนนั้นก็จะเป็นการผลัดขนขั้นที่สองค่ะ เขาก็จะไม่ได้รู้สึกว่าเครียดมาก เมื่อต้องออกล่าและหาอาหาร เขาต้องรักษาสมดุลและความสมมาตรของปีก
แจ็ค: สิ่งที่น่าสนใจที่สุด น่าตื่นเต้นที่สุด และวิเศษมาก ๆ ก็คือตอนที่เขาได้บินอย่างอิสระครับ มันมีโมเมนต์ที่ผ่านมาสักพักแล้วครับ แต่เป็นตอนที่เราทำให้เขามีน้ำหนักที่พอดีได้ ฝึกได้เป็นอย่างดี มีจังหวะ มีกิจวัตรที่ดีมาก แล้วเราสามารถปล่อยเขาออกจากโซ่ที่ล่ามไว้กับเราได้ เขาก็เลยได้บินอย่างอิสระ ในตอนที่เราได้เห็นภาพแบบนั้น มันเป็นธรรมชาติของเขาจริง ๆ ที่ได้บินอย่างอิสระ เป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นมาก ผมว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดเลยครับ
โยล่า: แต่ว่าเราก็จะมีความกังวลอยู่ตลอดเวลา เพราะเมื่อไหร่ที่จะปล่อยบิน เขาต้องมีน้ำหนักพอดีเป๊ะสำหรับการบิน คือ 590 กรัมเท่านั้น ถ้าหากว่าเขาน้ำหนักน้อยกว่านี้ เขาจะไม่มีพลังงานมากพอที่จะบินและกลับมาหาเรา เขาจะเกาะอยู่บนต้นไม้ และเราต้องรอประมาณ 45 นาทีกว่าที่ลงจะลงมาได้ แต่ถ้าหากว่าหนักเกินไป เขาก็จะเกาะบนต้นไม้อีก และไม่ยอมลงมา เราก็เลยจะห่วงอยู่ตลอดเวลา “เขาจะกลับมามั้ย” หรือ “จะไปล่าอะไรมารึเปล่า?” แล้วเราก็ต้องไปเอาตัวเขากลับมา และสลับอาหาร ไม่งั้นเขาจะหงุดหงิดว่าเขาไปจับอะไรมาได้ แต่เราเอาของเขาไป
แจ็ค: ครับ เวลาเลี้ยงเหยี่ยวแล้วจะเอาเขาไปบิน มันเหมือนชกมวยเลยครับ เราต้องฝึกเขา ให้เขามีน้ำหนักที่พอดี มันเหมือนชกมวยเลยครับ คือต้องฝึกฝนแล้วก็ควบคุมน้ำหนักให้ดี เป็นสองหัวใจสำคัญของการปล่อยบินครับ
สิ่งหนึ่งที่ดีมากเลยก็คือ การอยู่ในประเทศไทย เราสามารถพาเขาเดินทางไปกับเราได้แทบทุกที่เลยครับ เราเลยชอบไปทริปเล็ก ๆ กัน อาจจะออกจากกรุงเทพไปชายหาดหรือไปภูเขา เราก็พาเขาไปด้วยทุกที่ คนไทยและธุรกิจต่าง ๆ ก็เป็นมิตรกับเรามากครับ เราสามารถนั่งในคาเฟ่แบบนี้ นั่งในร้านอาหาร และพาเมอร์ฟี่ไปโรงแรมได้ด้วย ดีมาก ๆ เลยครับ การที่ได้เดินทางไปด้วยกัน
แจ็ค: ครับ เขานิ่งมาก
โยล่า: 100% เลยค่ะ เขาเดินทางง่ายกว่าหมาแมวแน่นอน เป็นเด็กดีมากจริง ๆ
แจ็ค: ถ้าเราขับรถอยู่ เขาก็จะนั่งบนตักโยล่าครับ เขาไม่ต้องมีกล่อง มีกรงอะไร เขาจะไม่สร้างความวุ่นวาย ถ้าอย่างแมวเรา น้อง ๆ เขาจะต้องมีกล่อง แล้วก็จะร้องตลอดเวลา เมี้ยว เมี้ยว เมี้ยว ปล่อยหนูออกไปปป ก็โอเค น้อง ๆ เขาเป็นแบบนั้น แต่เมอร์ฟี่คือนิ่งมากจริง ๆ
โยล่า: มันจะย้อนกลับไปเรื่อง “ฝึกได้ แต่ไม่เชื่อง” เหมือนกัน เราต้องฝึกเขาอยู่ตลอด ไม่มีทางหยุดฝึกได้เหมือนหมาแมวที่ปรับตัวเข้ากับมนุษย์มานานแล้ว พอฝึกได้แล้วก็ได้เลย ไม่ลืม หมากับแมวจะเก่งเรื่องนี้ แต่กับเมอร์ฟี่ ต้องฝึกตลอดเวลา ไม่อย่างนั้นเขาจะกลับไปเป็นสัตว์ป่าอีกครั้ง เพราะเขายังไม่ได้ถูกทำให้เชื่องเป็นสัตว์บ้าน
แจ็ค: ครับ เขาเรียกการฝึกแบบนี้ว่าเป็นการ “ทำให้คุ้นกับมนุษย์” เพราะฉะนั้น ยิ่งเจอคนมากเท่าไหร่ พาออกมาข้างนอกมาก ๆ เข้า ยิ่งได้ไปคาเฟ่บ่อย ๆ เห็นคนอื่น ๆ ได้ยินเสียงรถและมอเตอร์ไซค์วิ่งไปมา เขาก็จะกลัวน้อยลง เขาจะคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมรอบ ๆ ตัวและคนแปลกหน้ามากขึ้นกับสัตว์และสิ่งอื่น ๆ ด้วยครับ และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงแม้จะไม่ได้ขึ้นบิน แต่เราก็ต้องพามาเดิน โยล่าพาเมอร์ฟี่ออกมาเดินแทบทุกวันเลยครับ มันไม่ใช่เพราะเธออยากจะอวด อาจจะอยากอวดหน่อยนึง แบบ “ทุกคน ฉันเลี้ยงเหยี่ยว!” แต่ประเด็นหลักเลยคือมันเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกเขาด้วย เมอร์ฟี่จะได้ออกไปข้างนอกและเจอคนอื่น ๆ บ้าง ได้เจอเสียงดัง ๆ เสียงแปลก ๆ และมองเห็นอะไรใหม่ ๆ ที่เขาจะไม่ได้เห็นเวลาอยู่ในบ้านกับเรา ยิ่งพาออกมามากเท่าไหร่ เขาก็จะรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น ทำให้เขาไปเที่ยวกับเราได้สบาย ๆ เลยครับ เราพาเขาขึ้นรถแล้วเขาก็ผ่อนคลาย เพราะเราใช้เวลาฝึกเขามาแล้วครับ
โยล่า: คุณคิดว่ายังไง? ฉันไม่แน่ใจค่ะ อาจจะแค่ บรื๊อออ กำลังพูดอยู่เลยค่ะ
แจ็ค: ไม่รู้สิครับ เวลาเขาพยายามจะสื่อสารด้วยคำพูด เขาจะทำเสียงคล้าย ๆ กับที่โยล่าเพิ่งทำ แบบ บรื๊ออ บรื๊อออ! แล้วเหมือนเราตีความว่าเขาพูดว่า “เมิร์ฟ” ก็เลยเริ่มเรียกเขาว่า “เมอร์ฟี่” ครับ แล้วมันก็มีหนังที่แมทธิว แม็คคอนาเฮย์เล่น เรื่อง Interstellar ครับ
ในหนัง ตัวละครที่เป็นลูกสาวเขาชื่อเมอร์ฟี่ แต่ทุกคนเรียกเธอว่าเมิร์ฟ ผมไม่รู้ว่าทำไม แต่มีคนทำคลิปรวมทุกครั้งที่แมทธิว แม็คคอนาเฮย์ หรือตัวละครอื่น ๆ เรียกชื่อเมิร์ฟ เมิร์ฟ เมิร์ฟ แล้วพอเอามาต่อกันเยอะ ๆ เลยกลายเป็นเมิร์ฟเมิร์ฟเมิร์ฟ มันฟังดูเหมือนเสียงที่เขาทำเลยครับ เราก็เลยตั้งชื่อเขาว่าเมอร์ฟี่และเมิร์ฟ
โยล่า: ฉันคิดว่า ต้องหาข้อมูลให้ดีมาก ๆ เลยค่ะ อันดับแรกเลยคือต้องอ่านเยอะมาก ต้องเรียนรู้เกี่ยวกับสัตว์เหล่านี้ และพยายามที่จะเข้ากลุ่มคนที่เลี้ยงด้วย ไปเข้าหาพวกเขาเยอะ ๆ เพราะเขาน่ากลัวได้เหมือนกัน
เขาเป็นสัตว์ป่า มีความดุร้าย ต้องเรียนรู้วิธีที่จะอ่านเขาให้ออก และจะต้องใจเย็นให้มาก ๆ เพราะเขาจะสัมผัสได้ถึงพลังงาน เขามองเห็นพลังงาน เห็นจริง ๆ คือเห็นความแตกต่างของความยาวคลื่นของแสงที่ออกมาจากตัวเรา เขาสามารถมองเห็นอะไรมากกว่าเราเยอะมาก เขาจะรู้ว่าคนกำลังประหม่าอยู่ เขารู้เวลาคนกลัว แล้วก็จะแสดงออกไปตามนั้น ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก
เราต้องใจเย็นมาก ๆ แล้วก็ต้องซ้อมกับกลุ่มก่อน รับการฝึก ก่อนที่จะเลี้ยงเหยี่ยวได้ จะต้องมีพื้นที่มาก เขาจะต้องการห้องเป็นของตัวเอง มีสวนด้วย ต้องหาข้อมูลและออกไปทำความคุ้นเคยกับนกเหยี่ยว นกอินทรีย์ หรือนกฮูกเยอะ ๆ พวกเขาเป็นอะไรที่ดูแลยากมาก ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย อาจจะมีปัญหาได้ถ้าหากไม่หาข้อมูลให้ดี ๆ ค่ะ
แจ็ค: ผมคิดว่ากับสัตว์อื่น ๆ ก็น่าจะเป็นเหมือนกัน น่าจะเหตุผลเดียวกันกับที่เรามีหมาแมวจรเยอะ คนรับน้อง ๆ มาเลี้ยง แต่ไม่สามารถดูแลได้อีกต่อไป เพราะพวกเขาไม่ได้หาข้อมูล หรืออาจจะไม่ได้มองตามความเป็นจริงว่าจะต้องใช้เวลา พลังงาน และเงินมากขนาดไหนในการดูแลสัตว์ตัวนี้ เราก็เลยมีสัตว์จรจัดเต็มไปหมด ตามถนนต่าง ๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเศร้ามาก แล้วผมคิดว่ามันจะยิ่งยากขึ้นไปอีกสำหรับสัตว์อย่างเมอร์ฟี่ คือเป็นนกเหยี่ยว มันไม่ได้ง่ายเท่ากับการเลี้ยงหมาหรือแมว เพราะต้องใช้อะไรหลาย ๆ อย่างที่ต่างกันมากในการดูแล ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องเตรียม ถ้าจะเลี้ยง เพราะฉะนั้นก็ควรหาข้อมูลให้แน่น ๆ แบบที่โยล่าบอกเลยครับ
โยล่า: ต้องถามก่อนเสมอนะคะ เหมือนมีบางคนตรงเข้ามาหาเลย และอยากให้เขาบิน ทำเสียงตลก ๆ ซึ่งเขาไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ ถ้าอยากจะทำความรู้จักกับเหยี่ยว มันต้องใช้เวลานานเหมือนกันค่ะ เขาจะไม่ยอมรับเราทันทีเหมือนที่น้องหมาทำกัน ต้องใช้เวลานาน ๆ เลย ถ้าอยากที่จะอุ้มเขา ก็ต้องใช้เวลากับเขาให้นานพอ เป็นการทำให้คุ้นกับมนุษย์อีกเหมือนกัน คือให้เขาได้รู้จักเรา ฉันเองก็ต้องนั่งอยู่ที่เดิมหลาย ๆ ชั่วโมง ตอนที่เขามาหาเราตอนแรก เพื่อที่เขาจะได้ชินกับฉันค่ะ ใช้เวลานานเลยค่ะ
MyFriend ขอขอบคุณโยลา วีล และ แจ็ค ชาน พร้อมทั้งเมอร์ฟี่ ที่แวะเวียนมาพูดคุยกับเรา บอกเล่าประสบการณ์ของการเลี้ยงสัตว์ที่สุดท้ายได้กลายมาเป็นลูกของพวกเขา รวมถึงให้ข้อคิดดี ๆ (และคำเตือน) เกี่ยวกับการเลี้ยงสัตว์หายากอย่างนกเหยี่ยวอีกด้วย
ขอขอบคุณ COSMOS Cafe ที่เอื้อเฟื้อสถานที่บรรยากาศดี ๆ พร้อมกาแฟหอม ๆ ให้พวกเราได้ทำงานกันอย่างปึ๋งปั๋ง เต็มไปด้วยพลังจากคาเฟอีนและขนมแสนอร่อย!
Meet MyFriends! สัปดาห์หน้าจะพาเพื่อน ๆ ไปพบกับใคร อย่าลืมมาติดตามชมกัน!
💙 Meet MyFriends! พาทุกคนไปทำความรู้จักเพื่อนใหม่ ไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อคุณแม่ เจ้าของธุรกิจสัตว์เลี้ยง และผู้เชี่ยวชาญอีกมากมายที่พร้อมมาแบ่งปันเรื่องราวดี ๆ ให้กับชาวเพ็ทเลิฟเวอร์แบบหมดเปลือก!
🐶🐱 MyFriend แอปของเหล่าสัตว์เลี้ยง ให้คุณพ่อคุณแม่ดูแลเจ้าน้องเพื่อนซี้ได้ดียิ่งขึ้น ด้วยบริการและคอนเทนต์สนุก ๆ มากมาย!
SUBSCRIBE &
STAY UPDATED
© 2023 MyFriend by Thai Innovative Technologies
© 2023 MyFriend by Thai Innovative Technologies